กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏาน (Bhutan’s Department of Tourism) ประกาศเปิดตัวแคมเปญยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการปักหมุดให้ราชอาณาจักรภูฏานเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก ดินแดนในหุบเขาหิมาลัยแห่งนี้เริ่มเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2517 การเฉลิมฉลองจะจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน และจะสิ้นสุดในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ซึ่งตรงกับวันชาติของประเทศภูฏาน
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศภูฏานเริ่มกำหนดเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 โดยเปิดตัวในวันเดียวกันกับพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีชิกเม เซ็งเค วังชุก พระมหากษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งยึดถือการท่องเที่ยวแบบ “เน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ" (high value, low volume) มาตั้งแต่แรก และเป็นประเทศผู้ริเริ่มการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมาอย่างยาวนาน ก่อนที่แนวคิดนี้จะกลายเป็นกระเสไปทั่วโลก ซึ่งการผลักดันในภาคการท่องเที่ยวนั้นมุ่งเน้นสร้างรายได้เข้าประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่จะได้แสดงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของประเทศภูฏานให้คนทั่วโลกได้ชื่นชม โดยการพัฒนาจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป และรอบคอบ เพื่อสร้างสมดุลให้กับทั้งวิถีชีวิตของผู้คน และธรรมชาติ
นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางมายังประเทศภูฏานประกอบด้วยชาวอเมริกัน 8 คน ชาวสเปน 5 คน และชาวอาร์เจนตินา 1 คน ซึ่งต้องเดินทางอย่างสมบุกสมบันและใช้เวลาบนท้องถนนอย่างยาวนาน เนื่องจากยังไม่มีสายการบินให้บริการในตอนนั้น หลายปีผ่านไป ชื่อเสียงของความงดงามแห่งดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัย และเสน่ห์ที่ไม่ใครเหมือน ได้ดึงดูดนักเดินทางให้มาเยือนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายการบินดรุกแอร์ (Drukair) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติได้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2526 ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากมีการเดินทางที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศภูฏานได้ต้อนรับนักเดินทางที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทำสถิติสูงสุดในปี 2019 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากถึง 320,000 คน ภูฏานเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการเก็บ ค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDF (ย่อมาจาก Sustainable Development Fee) ซึ่งปัจจุบันมีอัตราอยู่ที่ 100USD ต่อวันต่อคน (สำหรับผู้ใหญ่) ค่าธรรมเนียมนี้จะเป็นเงินทุนเพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ อาทิ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศให้ยังคงบริสุทธิ์งดงาม การบำรุงรักษามรดกทางวัฒนธรรม สวัสดิการด้านสาธารณสุข การศึกษาฟรีสำหรับชาวภูฏานทุกคน และสนับสนุนโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น
พณ ท่าน นายเชอริง ต๊อบเกย์ (H.E. Tshering Tobgay)นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน กล่าวว่า “พวกเรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูฏาน ถือเป็นความสำเร็จนับตั้งแต่ที่ภูฏานเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จนทำให้ภูฏานกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้มาเยือน และมุ่งมั่นในหลักการของความยั่งยืน เรายังคงมองไปถึงอนาคตของที่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ และเชื่อมโยงเราเข้ากับโลกได้มากขึ้น ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาฉลองกับ 5 ทศวรรษแห่งความสำเร็จนี้ไปด้วยกัน”
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏานได้สร้างความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชนเพื่อจัดกิจกรรมน่าสนใจต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนของแคมเปญ ดังนี้:
นายนัมเกล ดอร์จี (Namgyal Dorji) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการจ้างงาน (MoICE) กล่าวว่า “ตั้งแต่การต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกในปี พ.ศ. 2517 จนมาถึงวันนี้ ภูฏานได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกต่างชื่นชม และใฝ่ฝันอยากมาสักครั้ง การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ถือเป็นการให้เกียรตินักเดินทางทุกคนที่เคยมาเยือนประเทศของเรา เพราะนับว่าพวกเขาได้มีส่วนร่วมสนับสนุนในอุตสาหกรรม และเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำเสนอมรดกอันล้ำค่า รวมถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตของภูฏานให้กับคนทั้งโลกได้รับรู้ เราเชื่อเสมอว่าภูฏานจะยังสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนด้วยความงามงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม กิจกรรมทางจิตวิญญาณอันทรงพลัง และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงใจของคนภูฏานซึ่งมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เราเป็นประเทศเดียวที่นำความสุขมาใช้เป็นปรัชญาเพื่อการพัฒนา และเป็นเพียง 1 ใน 3 ประเทศของโลกที่ปล่อยคาร์บอนติดลบ ภูฏานพร้อมแล้วที่จะเติมเต็มประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครให้กับนักเดินทางทุกคน”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏาน สามารถศึกษาได้ที่: www.bhutan.travel
แท็ก :
ประเทศภูฏาน
การท่องเที่ยวภูฏาน
Bhutan’s Department of Tourism