กรมประมง...เร่งเพาะพันธุ์ “ปลากะพงทอง” หรือ “อังเกย” ป้อนตลาดอาหารซีฟู้ด หลังผู้บริโภค
ทั้งในและต่างประเทศให้ความนิยม เล็งปั้นเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ พร้อมขยายผลให้เกษตรกร
ได้เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงมีนโยบายในการพัฒนางานวิจัยด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับทดแทนการจับจากธรรมชาติ ซึ่งนับวันมีปริมาณลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะสัตว์น้ำเศรษฐกิจซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ที่เน้นส่งเสริมให้ภาครัฐใช้การตลาดนำการผลิต เพื่อสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรไทย
สำหรับ “ปลากะพงทอง” ถือเป็นปลาทะเลที่ตลาดมีความต้องการอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง และจีน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเพาะเลี้ยงปลากะพงทองในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย ปลากะพงทองที่นำมาบริโภคส่วนใหญ่ได้มาจากการจับจากธรรมชาติ ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง โดยปลากะพงทองขนาด 800 - 1,000 กรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 180 - 220 บาทเลยทีเดียว กรมประมงจึงได้สนับสนุนให้หน่วยงานในสังกัดเร่งทำการศึกษา วิจัย การเพาะพันธุ์ปลากะพงทองเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรได้นำลูกพันธุ์ไปเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงต่อไป
นางพิชญา ชัยนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กล่าวในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ปลากะพงทอง” หรือ “อังเกย” เป็นปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีชื่อสามัญว่า Golden Snapper และชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lutjanus johnii ลักษณะลำตัวมีสีเหลืองทอง และมีจุดสีดำใหญ่ ๆ บริเวณลำตัวค่อนมาทางครีบหาง ปากมีเขี้ยวและฟันแหลมคม เนื้อแน่น รสชาติดี มีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 สูง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นึ่งซีอิ้ว ต้มยำ แกงส้ม ทอดกระเทียม ลวกจิ้ม และซาซิมิ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ โดยใช้วิธีการฉีดฮอร์โมน Suprefact ร่วมกับ Motilium ทั้งในพ่อและแม่พันธุ์ปลาที่จับจากธรรมชาติเพื่อกระตุ้นการสืบพันธุ์ แล้วปล่อยให้ปลาผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา แม่ปลาที่ฉีดฮอร์โมนได้วางไข่ และไข่ฟักออกเป็นตัว อัตราฟักร้อยละ 85 จากนั้นจึงนำลูกปลาวัยอ่อนไปอนุบาลต่อในบ่อคอนกรีต ซึ่งลูกปลามีอัตราการรอดและการเจริญเติบโตที่ดี
ทั้งนี้ปัจจุบันทางศูนย์ฯสามารถดำเนินการผลิตลูกพันธุ์ปลากะพงทองขนาด 3 เซนติเมตรหรือ 1.2 นิ้วซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการนำไปเลี้ยงในกระชังได้จำนวนหลายรุ่นต่อเนื่องโดยมีการจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในราคาเริ่มต้นตัวละ 2 บาท (ขนาด 1 เซนติเมตร) ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเช่นพังงาและกระบี่ได้นำลูกพันธุ์ไปเลี้ยงในกระชังบริเวณริมฝั่งทะเลโดยให้กินปลาสดและอาหารเม็ดวันละ 1 - 2 มื้อใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 8 - 9 เดือนจะได้ปลาขนาด 800 – 1,000 กรัมก็สามารถทยอยจับขายให้กับร้านอาหารหรือภัตตาคารได้ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังได้ทำการปล่อยลูกปลากะพงทองจำนวนหนึ่งคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประชากรในแหล่งที่อยู่อาศัยเดิมให้คงความอุดมสมบูรณ์ต่อไปอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต)
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง โทรศัพท์ 076 621 822 ในวันและเวลาราชการ
Admin | Passawee Riyapan
Creative | Borwontat Ratchakom
แท็ก :
กรมประมง
สัตว์น้ำเศรษฐกิจ