แอนชิลี สก็อต-เคมมิส (@ann_scottkemmis) มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี 2564

แอน-แอนชิลี นางแบบลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เธอมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นผู้คว้ามงกุฎ Miss Universe Thailand ประจำปี 2564 แอนชิลีคือผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างแรงบันดาลใจ และให้กำลังใจกับผู้หญิงทุกคนให้รู้สึก

ภาคภูมิใจและยอมรับในสรีระร่างกายของตัวเองซึ่งเป็นความท้าทายความงามตามมาตรฐานของคนไทยผ่านแคมเปญ #RealSizeBeauty ผ่านช่องทางสังคมบนโลกออนไลน์

“แอนอยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความกล้ามากขึ้นในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกถึงตัวตนโดยที่ไม่ต้องรู้สึกกังวลหรือรู้สึกผิดที่ตัวเองจะแตกต่างจากคนอื่น แอนไม่อยากให้ผู้หญิงตกหลุมพรางเกี่ยวกับความเชื่อที่มีมาในอดีต 

แอนอยากจะช่วยผู้หญิงให้มีความมั่นใจ มีความกล้าที่จะก้าวออกมาจากกรอบความคิดหรือความเชื่อในรูปแบบเดิมๆ”

แอนชิลีใช้ทวิตเตอร์เพื่อนำเสนอความคิดเชิงบวกและสนับสนุนให้ผู้หญิงสร้างพลังความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง 

เธอกล่าวว่า “ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้ในการสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียและความคิดกับสาธารณชน แพลตฟอร์มของทวิตเตอร์ช่วยให้แอนสามารถเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ สามารถแสดงความเป็นตัวเองออกไปได้อย่างอิสระและยังสามารถรับข้อมูลข่าวสารฉบับย่อที่น่าสนใจแบบเรียลไทม์ได้จากทั่วทุกมุมโลก” 

ชนิดา ตันติยาพิทักษ์ (@Sibbil_) ศิลปินและนักวาดภาพประกอบ

แนน-ชนิดา เป็นศิลปิน นักวาดภาพประกอบ และยังเป็นคอมเมนเตเตอร์ชื่อดังในชุมชน NFT ไทยบนทวิตเตอร์ ชนิดาตั้งเแตงกวา” ของเธอให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ชนิดาเล่าว่าการใช้ทวิตเตอร์เพื่อพูดคุยกับคนอื่นๆ ในชุมชนเป็นเรื่องที่สำคัญกับเธอ “ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงสาธารณชนจำนวนมาก ส่วนใหญ่แนนจะใช้

ทวิตเตป้าที่จะฝึกฝนและพัฒนาสไตล์งานศิลปะของเธอต่อไปและจะยังคงโปรโมตตัวการ์ตูนที่เป็นคาแรคเตอร์ 

“น้องอร์เพื่ออัปเดตผลงานของตัวเอง โปรโมตสินค้าใหม่ๆ รวมถึงทวีตเพื่อแบ่งปันไอเดีย ความคิดเห็น และข้อมูลต่างๆ”

สำหรับมุมมองที่มีต่อความท้าทายที่ผู้หญิงต้องเผชิญ ชนิดากล่าวว่า “แนนอยากให้ผู้หญิงทุกคนรักตัวเอง และให้อภัยตัวเองได้มากพอๆ กับที่ให้อภัยคนอื่น แล้วก็อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป”

ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ (@ceemeagain) อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านเทคโนโลยี

ซี-ฉัตรปวีณ์ เป็นหนึ่งในคนดังของแวดวงเทคโนโลยีเมืองไทย เรียกได้ว่าเธอเป็นคนที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางที่ผู้ชายเป็นผู้ครองวงการโดยหลัก ฉัตรปวีณ์เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอทีวี ซึ่งปัจจุบันเธอผันตัวมาเป็น CEO ของ Social Lab และได้เผชิญกับความท้าทายมากมายบนเส้นทางนี้

ฉัตรปวีณ์ กล่าวว่า “แน่นอนว่ามันต้องมีอคติอยู่แล้ว คนทั่วไปมักจะมองว่าผู้หญิงที่แต่งตัวตามแฟชั่นเป็นคนทำงานไม่เก่ง และการแบกความคาดหวังจากการถูกเรียกว่าเป็น “เจ้าหญิงแห่งวงการไอที” ถูกมองว่าเป็นการกรุยทางสร้างโอกาสให้ตัวเอง แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าคนอื่นจะมองเรายังไง สำคัญที่ว่าเรามองตัวเองยังไงมากกว่า” และเมื่อพูดถึงเรื่องของบทบาทของสตรีและค่านิยมทางสังคมซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเธอก็กล่าวเสริมว่า “ทุกวันนี้เราจะเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนมากที่เป็นผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทความเป็นผู้นำของผู้หญิง และแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานได้ทัดเทียมกับผู้ชายรวมถึงยังสามารถรับผิดชอบภาระในครอบครัวได้อย่างสมดุล”

ฉัตรปวีณ์แนะนำเทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่คิดค้นขึ้นโดยคนไทยด้วยความปรารถนาที่อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม เธอกล่าวว่าพลังของทวิตเตอร์มีความสำคัญมากในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการค้นหาข้อมูล การแสดงความคิดเห็น และการเรียนรู้จากผู้อื่น “ซีเองก็ติดตามอยู่หลายคน เพราะนอกจากต้องสร้างคอนเทนต์ของตัวเองแล้ว

ซียังตามอ่านคอนเทนต์ของคนอื่นด้วยเพราะอยากจะรู้ถึงพฤติกรรม Gen Z ของเด็กไทยในปัจจุบัน”

พญ.ศศิ ใหญ่สว่าง (@DrSasiYaisawang) จักษุแพทย์

พญ.ศศิ เป็นจักษุแพทย์ที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือและให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพของดวงตา เธอเริ่มใช้

ทวิตเตอร์ตอนที่เข้าใจถึงประสิทธิภาพของการแบ่งปันข้อมูลที่มีความสำคัญให้กับผู้อื่นและยังช่วยทำให้สังคมดีขึ้นด้วย เธอกล่าวว่า “ส่วนใหญ่แล้วหมอจะชอบทวีตข้อความสั้นๆ เพื่อให้ความรู้ทางการแพทย์และข้อมูลที่เกี่ยวกับสุขภาพตา โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นว่ามีบางคนหรือมีคนไข้ของหมอเองได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้องมาก่อน หมออยากจะบอกกับผู้หญิงทุกคนว่าถ้าหากคุณเป็นคนที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเป็นอย่างดี คุณก็สามารถ

ช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยการแบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์บนทวิตเตอร์”

พญ.ศศิ กล่าวเสริมว่า “การเป็นจักษุแพทย์ที่เป็นผู้หญิงในสายอาชีพนี้ถือเป็นข้อเด่นอย่างหนึ่งก็ได้เพราะว่าการทำงานด้านนี้ไม่มีอุปสรรคในเรื่องของเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในสังคมโดยรวมอาจจะยังมีความไม่เท่าเทียมกันและอุปสรรคในเรื่องเพศ ส่วนตัวแล้วหมอเชื่อว่าสังคมทุกวันนี้เปิดกว้างขึ้นมากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโซเชียลมีเดียและบนทวิตเตอร์”

สุฐิตา ปัญญายงค์ (@ninanaka) ผู้ประกาศข่าวกีฬา 

นิหน่า-สุฐิตา อดีตนักแสดง นักร้อง พิธีกร ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา รายการ Sports Corner ทางช่อง PPTV เธอไม่กลัวกับความท้าทายใหม่ๆ และพยายามที่จะทำงานในด้านเฉพาะทางที่เป็นของตัวเอง เธอเริ่มใช้

ทวิตเตอร์ตั้งแต่ทวิตเตอร์เริ่มเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2552 เพราะเธอทราบดีถึงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับตำแหน่งหน้าที่ในวงการสื่อและเนื้อหาของข้อความที่เธอทวีตออกไป “ในฐานะสื่อ เราต้องทำหน้าที่ในการคัดกรองข้อมูลให้ดีก่อนจะเผยแพร่ข้อความอะไรออกไป นอกจากทวิตเตอร์จะเป็นเครื่องมือในการอัปเดตข่าวสารและข้อมูลต่างๆ

ยังช่วยทำให้ได้ใกล้ชิดกับคนอื่นๆ และแหล่งข่าวจากทั่วโลกอีกด้วย”

และเมื่อกล่าวถึงเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ นิหน่าเล่าว่า “หน่ารู้สึกว่าประเทศไทยและผู้คนในอีกหลายๆ ประเทศมีการตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี และยิ่งเมื่อเทียบกับในอดีตก็รู้สึกว่าตอนนี้มีพัฒนาการขึ้นมาก คนส่วนใหญ่ให้

การยอมรับความหลากหลายทางเพศ ความแตกต่าง และความเท่าเทียมกัน บนทวิตเตอร์เราจะเห็นได้ว่าผู้คนค่อนข้างเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องสิทธิความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงรวมถึงสิทธิของชาว LGBTQ ด้วย เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ผู้คนบนทวิตเตอร์จำนวนมากแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความรู้ความเข้าใจและมีการตระหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้”

วีรวรรณ มอสบี้ (@HugProjectTH) นักเคลื่อนไหวทางสังคม

บุ๋ม-วีรวรรณ ผู้ซึ่งทำงานให้กับโครงการฮัก ประเทศไทย (The HUG Project) วีรวรรณต้องเผชิญกับความท้าทายทุกวันกับบทบาทหน้าที่ของเธอในการช่วยเหลือเด็กที่ถูกทารุณกรรมทางเพศให้ได้รับการฟื้นฟูเยียวยาร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นความท้าทายทั้งทางสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของตัวเธอเองและทีมงานทุกคน “นักสังคมสงเคราะห์จะต้องยึดหลัก ‘รับฟังอย่างไรโดยที่ใจเราเองต้องไม่แตกสลายตามไปด้วย’ ในการที่จะเอาชนะอุปสรรคและความท้าทาย

นานับประการ เราจะต้องปฏิบัติตามแนวทางการบริหารจัดการองค์กรที่ดีโดยเน้นไปที่การดูแลเอาใจใส่เด็กตลอดจนดูแลตัวเราเองและดูแลทีมงานให้ดี”

การให้ความรู้และการสื่อสารคือหัวใจสำคัญในการต่อสู้กับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก วีรวรรณและโครงการฮักคือ

ผู้สนับสนุนเรื่องนี้บนทวิตเตอร์อย่างกระตือรือร้นมาโดยตลอด “ในอดีตเราต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อพยายามและป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก แต่ทวิตเตอร์เข้ามาช่วยพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้น ตอนนี้เราสามารถใช้ทวิตเตอร์เพื่อส่งต่อข้อมูลและแนวทางในการป้องกันได้เร็วขึ้นมาก รวมทั้งสามารถกระจายข้อมูลออกไปในวงกว้าง เราสามารถประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ง่ายขึ้นด้วย”

วรนุช ภิรมย์ภักดี (@nuneworanuch) นักแสดงและนักธุรกิจ

นุ่น-วรนุช นักแสดงชื่อดังและนักธุรกิจ เธอใช้ทวิตเตอร์มาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อทวีตผลงานของตัวเองรวมถึงเอาไว้ใช้ในการติดตามข่าวสารล่าสุดและติดตามแฮชแท็กที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในขณะนั้น “ทวิตเตอร์ช่วยให้นุ่นสามารถติดต่อสื่อสารกับกลุ่มแฟนคลับ เวลาที่นุ่นเห็นแฟนๆ มีปฏิกิริยาหรือคอมเม้นต์เกี่ยวกับตัวนุ่นหรือผลงานของนุ่นมันทำให้รู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นในการทำงาน”

วรนุชได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมและความท้าทายต่างๆ ที่ผู้หญิงต้องเผชิญเอาไว้ว่า “นุ่นค่อนข้างโชคดีที่ไม่เคยเจอประสบการณ์เลวร้ายในเรื่องของความไม่เท่าเทียม เพราะปกติแล้วในวงการนักแสดง เราจะให้

ความเคารพกันและกันไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม นุ่นอยากส่งข้อความไปถึงผู้หญิงทุกคนว่า แม้บางครั้งเราอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่อาจจะบั่นทอนจิตใจของเรา ก็ขอให้ทุกคนต่อสู้และเอาชนะสิ่งเหล่านั้นให้ได้ จงเข้มแข็งและอย่าหมดกำลังใจ”